ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๑๐๕ ประจำวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐
เพลี้ยจักจั่นมะม่วง
เตือนเกษตรกรชาวสวนมะม่วงทุกภาคของประเทศไทย ในช่วงนี้อาจพบการเข้าทำลายของเพลี้ยจักจั่นฝอยในช่วงระยะมะม่วงแตกใบอ่อน โดยใบอ่อนที่ถูกทำลายจะมีอาการโค้งงอทางด้านใต้ใบและปลายใบจะแห้งหดสั้น ดังนั้น เมื่อพบการทำลายให้รีบแจ้งหรือขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อหาแนวทางการควบคุม และป้องกันกำจัดก่อนเกิดการระบาดรุนแรง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Idioscopus clypealis (Lethierry)
Idioscopus niveosparsus (Lethierry)
วงศ์ : Cicadellidae
อันดับ : Homoptera
ชื่ออื่น : แมงกะอ้า
รูปร่างลักษณะ
เพลี้ยจักจั่นที่พบระบาดอยู่มี ๒ ชนิด มีรูปร่างคล้ายกันมาก ลำตัวมีสีเทาปนดำ หรือน้ำตาลปนเทา ส่วนหัวโตและป้าน ลำตัวเรียวแหลมมาทางด้านหาง ทำให้เห็นส่วนท้องเรียวเล็ก มองดูด้านบนเหมือนรูปลิ่ม และที่แผ่นตรงเหนือริมฝีปากบนเป็นสีดำ มักอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม แมลงชนิดนี้ใช้ขาหลังดีดตัวกระโดดไปมา ทำให้ได้ยินเสียงชัดเจน ตัวอ่อนมีลักษณะเหมือนตัวเต็มวัยทุกประการ การเคลื่อนไหวว่องไวแต่ไม่เท่าตัวเต็มวัย ตัวอ่อนนี้มักพบอยู่เป็นกลุ่มตามช่อดอกและใบ โดยเฉพาะบริเวณโคนของก้านช่อดอกและก้านใบ เนื่องจากบริเวณโคนจะมีเยื่อบาง ๆ สีน้ำตาลหุ้มไว้ เมื่อแดดร้อนจัดจะหลบซ่อนอยู่ตามหลังใบเพลี้ยจักจั่นช่อมะม่วงเพศเมียจะวางไข่เป็นฟองเดี่ยว ๆ รูปร่างยาวรีสีเหลืองอ่อน จะวางไข่ตามแกนกลางใบอ่อนหรือก้านช่อดอก ปรากฏเป็นแผลเล็ก ๆ คล้ายมีดกรีด หลังจากวางไข่แล้วประมาณ ๑ - ๒ วัน จะมียางสีขาวของมะม่วงไหลหยดเห็นได้ชัด ระยะฟักไข่ ๗ - ๑๐ วัน เมื่อออกเป็นตัวอ่อนจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากช่อดอกและใบ ตัวอ่อนเจริญเติบโตโดยการลอกคราบ ๔ ครั้ง จึงเป็นตัวเต็มวัย ระยะตัวอ่อน ๑๗ - ๑๙ วัน
ลักษณะการทำลาย
ตัวอ่อนและตัวเต็มวัย จะทำลายใบอ่อน ช่อดอก ก้านดอก และยอดอ่อน แต่ระยะที่ทำความเสียหายมากที่สุดคือ ระยะที่มะม่วงกำลังออกดอก โดยจะดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอกทำให้แห้งและดอกร่วง ติดผลน้อยหรือไม่ติดเลย ระหว่างที่เพลี้ยจักจั่นดูดกินน้ำเลี้ยง จะถ่ายมูลมีลักษณะเป็นน้ำเหนียว ๆ คล้ายน้ำหวานติดตามใบ ช่อดอก ผล และรอบ ๆ ทรงพุ่ม ทำให้มะม่วงเปียกเยิ้ม ต่อมาตามใบ ช่อดอก จะถูกปกคลุมโดยเชื้อราดำ ถ้าปกคลุมมากก็จะกระทบกระเทือนต่อการสังเคราะห์แสง ใบที่ถูกดูดน้ำเลี้ยงในระยะเพสลาด ใบจะบิดงอโค้งลงด้านใต้ใบ ตามขอบใบจะมีอาการปลายใบแห้ง แมลงชนิดนี้พบระบาดทั่วไปทุกแห่งที่ปลูกมะม่วง พบได้ตลอดทั้งปีแต่ปริมาณประชากรของเพลี้ยจักจั่นจะเพิ่มอย่างรวดเร็วในช่วงออกดอก คือระหว่างธันวาคม - มกราคม เมื่อมะม่วงเริ่มแทงช่อดอก จำนวนเพลี้ยจักจั่นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนระยะดอกตูม มีปริมาณสูงสุดเมื่อดอกใกล้บาน และจะลดลงเมื่อมะม่วงเริ่มติดผล ซึ่งจะไม่พบบนผลเมื่อมะม่วงมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ
กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำวิธีการป้องกันกำจัด ดังนี้
๑. สำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งทุกสัปดาห์
๒. หมั่นสำรวจในระยะที่ใบอ่อน ถ้าพบเพลี้ยจักจั่นฝอยปริมาณน้อยให้ตัดส่วนที่ถูกทำลายไปเผาทิ้ง
๓. เมื่อสำรวจพบปริมาณเพลี้ยจักจั่นฝอยทำลายยอดอ่อนเกินกว่า ๕๐% ของทั้งหมดที่สำรวจในระยะมะม่วงแตกใบอ่อน ให้ใช้สารเคมี ดังนี้
- ไซเปอร์เมทริน ๒๕% EC อัตรา ๓๐ - ๔๐ มิลลิลิตร ต่อน้ำ ๒๐ ลิตร
- คาร์บาริล ๘๕% WP อัตรา ๔๕ - ๖๐ กรัม ต่อน้ำ ๒๐ ลิตร
- แลมป์ด้าไซฮาโลทริน ๒.๕ % EC อัตรา ๑๐ มิลลิลิตร ต่อน้ำ ๒๐ ลิตร
ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร
เรียบเรียงโดย : กลุ่มพยากรณ์และเตือนการระบาดศัตรูพืช กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย
Update Date : บันทึกเมื่อ : 24/07/2560