
จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่วิกฤติ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งสร้างผลกระทบต่อประชาชนและเกษตรกรเป็นวงกว้าง กรมส่งเสริมการเกษตรได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเร่งด่วน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และถูกต้องตามระเบียบ



นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ได้รับข้อสั่งการจากร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้โดยเร็วที่สุด และเกิดความเสียหายน้อยที่สุด สำหรับกรมส่งเสริมการเกษตรขับเคลื่อนปฏิบัติการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ประสบภัย โดยสั่งการให้เข้าถึงเกษตรกรผู้ประสบภัย “เร็ว–ครบ–แม่นยำ” โดยเร่งเข้าพื้นที่ตัดขาดและพื้นที่เสี่ยงก่อนเป็นลำดับแรก รวมถึงจัดทำฐานข้อมูลความเสียหายภาคเกษตรแบบมีพิกัด รองรับมาตรการเยียวยาและแผนฟื้นฟูทันทีหลังน้ำลดและลดความเสี่ยงการช่วยเหลือซ้ำซ้อน และคุ้มครองสิทธิ์ของเกษตรกรทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรมพร้อมสั่งการให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการและมอบหมายให้สำนักพัฒนาและส่งเสริมการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลาเป็นหน่วยหลักในการบริหารสถานการณ์ เชื่อมโยงข้อมูลโดยตรงกับหน่วยงานส่วนกลาง ประสานการทำงานร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการระดับกระทรวง รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการในระดับจังหวัด พร้อมแต่งตั้งหัวหน้าชุดปฏิบัติการเร่งด่วนระดับจังหวัด เพื่อสั่งการและดำเนินงานภาคสนามอย่างรวดเร็ว ชัดเจน และมีเอกภาพ



อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรยังได้สนับสนุนการกระจายเสบียงและถุงยังชีพที่ได้รับการช่วยเหลือจากหลายหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น วุ้นเส้นสำเร็จรูปจำนวน 2,160 ถ้วย ข้าวสาร 1,000 กก. น้ำมันพืช 2,400 ขวด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 700 ซอง เป็นต้น รวมถึงที่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกันบริจาค เพื่อนำไปส่งต่อให้พี่น้องผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยจะประสานการดำเนินงานร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือจังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการใช้งานฐานข้อมูลบัญชีรายชื่อเกษตรกรที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้การส่งต่อเสบียงและถุงยังชีพของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถึงมือเกษตรกรอย่างรวดเร็วและไม่ตกหล่น
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการในสังกัดกรมส่งเสริมการเกษตร เช่น ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร และศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปฏิบัติหน้าที่เป็นจุดพักพิงและจุดกระจายสิ่งของตามที่จังหวัดกำหนดเมื่อระดับน้ำในพื้นที่เริ่มลดลง จะดำเนินการสำรวจเชิงรุกโดยใช้เครือข่ายอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) เพื่อเก็บข้อมูลครัวเรือนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกล สำรวจความเสียหายด้านพืชและโครงสร้างการผลิตรายชนิดพืช พร้อมบันทึกและรายงานข้อมูลเข้าระบบทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าพื้นที่ได้



ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเปิดจุดบริการชั่วคราวในอำเภอที่ระดับน้ำเริ่มลดลง เพื่อให้บริการแบบ One Stop Service ทั้งการลงทะเบียนความเสียหายและการยืนยันสิทธิ์เข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือ โดยอ้างอิงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรเป็นฐานกลางร่วมกับทุกหน่วยงาน และเมื่อระดับน้ำลดลงในทุกพื้นที่ จะเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายตามแบบ กษ 01 และเข้าสู่กระบวนการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2568 โดยเร็วที่สุดรวมถึงจัดทำแผนฟื้นฟูและมาตรการสนับสนุนรายพื้นที่ รายชนิดพืช เพื่อเตรียมสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ กล้าพันธุ์ทดแทน และแนวทางการฟื้นฟูหลังน้ำลด ตลอดจนจัดลำดับพื้นที่ที่ต้องเร่งฟื้นฟู และกำหนดแผนฟื้นฟูระยะ 30–90 วัน เสนอเพื่อดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วย เพื่อให้เกษตรกรได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว ตรงจุด และเป็นไปตามเป้าหมายเดียวกัน.-
