จัดการการให้น้ำแก่ไม้ผลอย่างไร จึงเหมาะสมสำหรับช่วงแล้ง
ในช่วงแล้ง หากไม้ผลได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตมีขนาดเล็กคุณภาพต่ำ ส่งผลกระทบต่อไม้ผลทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพของผลผลิต ดังนั้น เกษตรกรจึงต้องมีการดูแลสวนไม้ผลเป็นพิเศษ โดยในช่วงภัยแล้งจำเป็นต้องจัดการสวนของตนเองให้ต้นไม้อยู่รอดผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การจัดหาแหล่งน้ำ ปรับปรุงบ่อน้ำให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ และสูบน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงมาเก็บกักไว้ สำหรับสวนผลไม้ที่อยู่ใกล้ทะเล ก็จำเป็นต้องกักน้ำจืดไว้ เพื่อป้องกันน้ำเค็มที่จะเข้ามาในสวน หมั่นตรวจสอบระบบส่งน้ำ ควบคุมอย่าให้น้ำรั่วไหล หากมีผักตบชวา จอก แหน หรือสาหร่าย อยู่ในท้องร่องสวนเป็นจำนวนมาก ควรนำขึ้นมาคลุมบริเวณโคนต้นไม้ผลเพื่อรักษาความชื้นได้
และการให้น้ำแก่ไม้ผลในช่วงแล้ง ควรคำนึงถึงการให้น้ำแบบประหยัดที่สุด คือ
– ให้น้ำภายในบริเวณรัศมีทรงพุ่มเท่านั้น อย่าให้น้ำมากจนไหลแฉะไปทั่วสวน
– ควรให้น้ำแบบระบบน้ำหยดหรือหัวเหวี่ยงขนาดเล็กจะช่วยประหยัดน้ำได้มากกว่าการใช้สายยางรดน้ำ
– ให้น้ำตามความต้องการของพืชแค่ดินชุ่มชื้น หรือน้อยๆแต่บ่อยครั้ง เพื่อลดการสูญเสียน้ำเปลี่ยนช่วงเวลาการให้น้ำเป็นช่วงกลางคืน เพื่อช่วยให้พืชลดการระเหยน้ำจากการถูกแดดเผา
– กรณีที่ไม่มีระบบน้ำหรือน้ำสำรองเก็บไว้ควรประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ นำน้ำมารดต้นไม้ผลทันที อย่างน้อย 7 – 10 วันต่อครั้ง เพื่อช่วยให้ต้นไม้ผลมีชีวิตรอดผ่านแล้งไปได้ อย่างไรก็ตาม การใช้วัสดุคลุมดิน มีความจำเป็นมาก เพราะจะช่วยชะลออัตราการระเหยของน้ำจากผิวดินให้ช้าลง วัสดุคลุมดินทางธรรมชาติที่แนะนำให้ใช้ ได้แก่ ใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นจากต้นไม้ผล ใบตองแห้ง ทางมะพร้าว กาบมะพร้าว หญ้าแห้ง เป็นต้น ซึ่งวัสดุคลุมดินเหล่านี้จะค่อย ๆ ผุผังเป็นอินทรียวัตถุ ทำให้ดินร่วนและมีการอุ้มน้ำดีขึ้น โดยทำการคลุมดินจากโคนต้นไม้ผลจนถึงแนวรัศมีทรงพุ่ม กรณีต้นไม้เล็กควรใช้วัสดุช่วยในการพรางแสง เพื่อลดความเข้มแสง หากต้นยังเล็กจะต้องพรางแสงช่วยด้วย และไม่ควรกำจัดวัชพืชเมื่อมีความแห้งแล้งมากๆ เพราะในระยะที่ขาดแคลนน้ำมาก ๆ การกำจัดวัชพืชหรือไถพรวนดิน จะทำให้ผิวดินแห้งเร็วมากขึ้น